2 กุมภาพันธ์ 2025
Home » Blog » ฮือฮาต้อนรับปีใหม่ รูปปั้นพระทรงพญาลิงเผือกใส่แว่นตาดำ แหล่งท่องเที่ยวสายมูแห่งใหม่ของสุพรรณบุรี
ฮือฮา รูปปั้นพระทรงพญาลิงเผือกใส่แว่นตา แหล่งท่องเที่ยวสายมู แห่งใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดชัยเภรีย์(วัดบ้านโข้ง) จังหวัดสุพรรณบุรี ได้มีการปั้นรูปเหมือนหลวงเตี่ย ทรงหนุมานใส่แว่นตา( พญาลิงเผือกเรียกทรัพย์) เป็นวัดที่ใครผ่าน ทางหลวงหมายเลข333 ก็จะสะดุดตากับหนุมาน ใส่แว่นตาดำ จนต้องแวะกราบไหว้ขอพร เหมาะสำหรับสามู วัดชัยเภรีย์(บ้านโข้ง) ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อบุญค้ำ หรือ พระครูสุวรรณธรรมมาภิรักษ์ ฉายา “ ปุญฺญูปถมฺโภ ” ภิกขุ แปลว่า เป็นผู้มีบุญอุปถัมป์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่องอาวาสวัดชัยเภรีย์ (วัดบ้านโข้ง) ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นามเดิม บุญค้ำ โคนันท์ ช่วงวัยเยาว์ได้บรรพชาเป็นสามเณร ได้ศึกษาวิชาจากหลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู, จากพ่อเฒ่าจูม พรหมหนองโดก, พ่อเฒ่าสิงห์, พ่อเฒ่ากิ อมรธัมโม ในปี พ.ศ.2526 เจ้าคุณพระเทพโสภณ(หลวงเตี่ย) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ ได้รับสามเณร บุญค้ำ โคนันท์ ไว้ในความอุปถัมภ์ ต่อมาปี พ.ศ. 2531 ท่านพระเดชพระคุณหลวงเตี่ย มีความเมตตาได้มาเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้สามเณรค้ำ เป็นพระภิกษุ และได้มุ่งมั่นศึกษาพระธรรมวินัย ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานจนเชี่ยวชาญและมีพลังจิตกล้าแกร่ง โดยฝากตัวเป็นศิษย์ พระครูสุวรรณโพธิวัฒน์ (หลวงปู่เพียว) วัดโพธิ์ทองเจริญ (บ้านขาม) อดีตพระเกจิดังแห่งอู่ทอง พิษณุ ปาละสิงห์ ผู้สื่อข่าว นสพ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ รายงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดชัยเภรีย์(วัดบ้านโข้ง) จังหวัดสุพรรณบุรี ได้มีการปั้นรูปเหมือนหลวงเตี่ย ทรงหนุมานใส่แว่นตา( พญาลิงเผือกเรียกทรัพย์) ซึ่งเป็นวัดที่ใครผ่าน ทางหลวงหมายเลข333 ก็จะสะดุดตากับหนุมาน ใส่แว่นตาดำ จนต้องแวะกราบไหว้ขอพร เหมาะสำหรับสามู สำหรับวัดชัยเภรีย์(บ้านโข้ง) ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

ประวัติวัดชัยเภรีย์ เลขที่ ๑ หมู่ที่ ๓ ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี วัดชัยเภรีย์ประกาศตั้งวัดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๘ ตามหนังสือรับรองสภาพวัด ถิ่นฐานดั้งเดิม ชาวบ้านโข้งได้อพยพมาจากกรุงเวียงจันทร์ แขวงคำม่วน ในสมัยเกิดสงครามมี “พ่อเฒ่ากลองทา” ได้พาลูกหลานอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านสมอลม ปัจจุบันคืออำเภอสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากการทำมาหากินในสมัยนั้นไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ จึงได้พาลูกหลานย้ายบ้านมาจากบ้านสมอลมมาตั้งถิ่นฐาน ณ หมู่บ้านโข้งแห่งนี้เพราะเป้ยชื่อเก่านามเดิมของกรุงเวียงจันทร์


พ่อเฒ่าทาได้พาลูกหลานสร้างวัดขึ้นเนื้อที่ ๔ ไร่ ต่อมามีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อว่า “หลวงพ่อคูหา” เดินทางมาจากกรุงเวียงจันทร์ได้นำพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ ๓ องค์ และระฆังเนื้อทองสัมฤทธิ์ ๑ ลูก มาถวายให้แก่วัด จากนั้นพ่อเฒ่ากลองทาได้พาลูกหลานขุดกลองเพลขึ้น ๑ ลูก เพื่อถวายให้แก่วัดหลวงพ่อคูหากับพ่อเฒ่าทาได้ปรึกษาหารือกันว่าจะตั้งชื่อวัดให้เป็นมงคลนาม ได้ไล่โฉลกกลอง ให้เป็นมงคลว่า ชัยเภรีย์ ศสีชมชื่น หื่นเมืยงคม สมอยู่สร้าง ม่างสังโฆ โพธิสัตว์ วัดพระเจ้า ว่าโฉลกนี้ดีแล้วหนอตก “ชัยเภรีย์” กลองชัยเภรีย์เป็นกลองเพลใหญ่โดนใช้ชื่อสืบเนื่องมาจากโบราณ เป็นกลองในตำนานที่นางพิมพาไลย์ตีเล่นเมื่อเป็นเด็กน้อย เป็นกลองที่ตีเมื่อชนะศึกสงครามจึงได้นำเอานามนี้มาตั้งเป็นชื่อวัดชัยเภรีย์อันเป็นมงคลนามจนถึงปัจจุบัน
วัดชัยเภรีย์แห่งนี้เดิมตังอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านโข้ง ชาวบ้านเห็นว่าสถานที่คับแคบไม่เพียงพอต่อการสร้างศาสนสถานให้ภิกษุสงฆ์ปฏิบัติกิจต่างๆ จึงเห็นสมควรมาสร้างวัดชัยเภรีย์ ณ สถานที่ปัจจุบันเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ ห่างจากหมู่บ้าน ๓๐๐ เมตร มีเนื้อที่ ๒๒ ไร่ ๓ งาน ต่อมา พ.ศ.๒๕๒๒ หลวงพ่อบุญคล้ำได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อตอนอายุ ๑๑ ขวบได้ดูแลวัดชัยเภรีย์ ชึ้งขนาดนั้นไม่มีเจ้าอาวาส กระทั่งถึง พ.ศ.๒๕๓๑ หลวงพ่อบุญค้ำได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยมี ท่านพระเดชพระคุรพระธรรมราชานุวัตร (หลวงเตี่ย) วัดพระเชตุพลมังคลารามราชวรมหาวิหารเป็นพระอุปัชฌาย์อุปสมบทให้โดยได้รับ ฉายาว่า ปุญญปภฺโภ จึงได้สืบสานต่อพระพุทธศาสนาพัฒนาวัดจนได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดชัยเภรีย์เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒ ปัจจุบันวัดชัยเภรีย์รุ่งเรืองตลอดมา

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.sangha14.org/index.php?url=temple&id=374

พิษณุ ปาละสิงห์ ผู้สื่อข่าว นสพ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ รายงาน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *