16 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า พระอาจารย์ธาดา ธัมมธโร เจ้าอาวาสวัดบ้านกล้วย จัดงานบุญกวนข้าวทิพย์หรือบุญย่าหุ ณ วัดบ้านกล้วย ตำบลวังยาว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
โดยมีนางดวงพร คุณากรวงศ์ นายอำเภอด่านช้าง เป็นประธานในพิธี โดยมี ผู้ว่าวันชัย โอสุคนทิพย์ อดีตผู้ว่าจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดกาญจนบุรี, นายสุรศักดิ์ ชาวบ้านกร่าง นายกอบต.วังยาว น.ส.ธนภร ธนภัทรอภิเดชา นาย บุญส่ง กองแก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 นาย ศักดิ์ณรงค์ หล่ำพาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกล้วย นาย สุภัทชัย ยินดียุทธ ผู้อำนวยการรพ.สต.บ้านกล้วย รวมทั้งชาวบ้านชาวชาติพันธุ์กระเหรี่ยง-มอญ ในพื้นที่ตำบลวังยาวและใกล้เคียงร่วมในพิธี
ประเพณีบุญย่าหุ เป็นคำเรียกในภาษากระเหรี่ยง ในภาษาไทย เรียกว่ากวนข้าวทิพย์ ซึ่งเป็นประเพณีที่มีความเชื่อว่าต้องทำปีละ1ครั้ง เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ได้สอบถามถึงที่มาที่ไปมาว่า ในสมัยพุทธกาล ก่อนที่สัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ โดยนางสุชาดา ธิดาของเศรษฐีหมู่บ้านเสนานิคม ได้นำอาหารซึ่งกวนด้วยข้าวมธุปายาส ไปบวงสรวงเทพยดาที่ใต้ต้นนิโครธ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ได้พบพระพุทธองค์ ประทับอยู่ใต้ต้นนิโครธเข้าใจว่าเป็นเทพยดา จึงได้ข้าวมธุปายาสไปถวาย เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสวยเสร็จแล้ว ได้ทรงนำถาดทองที่ใส่ข้าวมธุปายาสนั้นไปลอยน้ำ และทรงอธิฐานว่า ถ้าหากพระองค์จะได้ตรัสรู้ก็ขอให้ถาดทองนั้นลอยทวนน้ำขึ้นไป เมื่อพระองค์ทรงวางถาดลงในน้ำ ก็ปรากฏว่า ถาดทองลอยทวนน้ำขึ้นเหนือน้ำดังคำอธิฐาน ซึ่งพระองค์ทรงถือว่าภัตตาหารมื้อนั้นได้มีส่วนทำให้พระองค์ได้สำเร็จและตรัสรู้อริยสัจ 4 ได้ ส่วนข้าวทิพย์หรือย่าหุในพิธีของชาติพันธุ์นั้น นั้นเป็นการนำวัตถุดิบหลายอย่างมาผสมผสานให้เข้ากัน เช่น ข้าวเหนียว มะพร้าว ถั่ว งาดำ งาขาว กระเทียม เป็นต้น
งานบุญย่าหุ หรือบุญกวนข้าวทิพย์เป็นประเพณีที่ทุกชาติพันธุ์ก็สามารถเข้าร่วมได้มิได้แบ่งแยกกันแต่ประการใด โดยหลังจากการกวนข้าวทิพย์เสร็จแล้วชาวบ้านก็จะนำไปทำบุญถวายพระสงฆ์ และส่วนหนึ่งก็จะนำมาแจกจ่ายเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว ซึ่งทางวัดบ้านกล้วยจัดงานขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
