

คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ศึกษาดูงานโครงการพระราชดำริชั่งหัวมัน และ โครงการปลูกและรักษาต้นไม้ เพื่อขายคาร์บอนเครดิตคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ประกอบด้วยนายจิระศักดิ์ ชูความดี สว.จ.ระนอง รองประธาน กมธ. นายชวภณ วัธนเวคิน สว.จ.ตราด ประธานอนุกมธ.การบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาภูมิอากาศ นายศรายุทธ ยิ้มยวน สว.จ.สุพรรณบุรี รองประธานอนุกมธ. นายสมหมาย ศรีจันทร์ สว.นครพนม อนุกมธ. นายสัมพันธ์ ชัยวิเศษจินดา สว.จ.ราชบุรี รองประธานอนุกมธ. นางสาวเข็มรัตน์ สุรเมธีมาณพ สว.จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทีมผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภา และทีมงานคณะกรรมาธิการ/อนุกรรมาธิการฯ กว่า 20 คน

ได้ไปศึกษาดูงานที่ จ.เพชรบุรีซึ่งคณะกมธ.ฯ เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการชั่งหัวมัน ตามโครงการพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช พระบรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9 ) อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี คณะฯได้รับทราบและสร้างเข้าใจการดำเนินการโครงการชั่งหัวมัน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศรฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงดำเนินการให้ใช้พื้นที่แห้งแล้งที่พระองค์ได้ใช้ทุนส่วนพระองค์ซื้อไว้ เพื่อทดลองการปลูกพืชทนแล้งต่างๆ และพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และใช้เพื่อทดลองดำเนินการทางการเกษตรเพื่อเป็นต้นแบบให้เกษตรกรทั่วไปสำหรับใช้เป็นแนวทางประกอบอาชีพเกษตรที่เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่อประเทศชาติและประชาชน อย่างหาที่สุดมิได้คณะกมธ.ฯ ได้ไปศึกษาดูงานกิจกรรมชุมชนบ้านถ้ำเสือ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งชุมชนได้ดำเนินการรักษาและปลูกต้นไม้ตามโครงการส่งเสริมร่วมกันของธนาคาร ธ.ก.ส.และกรมป่าไม้ รวมทั้งหน่วยงานภาคีที่สนับสนุนด้วย

นายศรายุทธ ยิ้มยวน สว.จ.สุพรรณบุรี

โดยปัจจุบันได้ดำเนินการพัฒนาเพิ่มเติมจากการปลูกต้นไม้จากการอนุรักษ์และโครงการพระราชดำริปลูกต้นไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง โดยเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ตลาดชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้สมาชิกตามแนวทางปรัชญาการพึ่งพาตนเองของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ให้ไว้ด้วย สำหรับกิจกรรมทางการตลาดนั้น จะมีเด็กและเยาวชนในชุมชนได้ร่วมกิจกรรมกับผู้ปกครองด้วย โดยช่วยสนับสนุนการค้าขายสินค้าในช่วงวันหยุด เพื่อเป็นฝึกฝนเรียนรู้ประสบการณ์จริงไปด้วย นับว่าเป็นแหล่งสร้างประสบการณ์ตรงของชีวิตให้เยาวชนได้มีความรับผิดชอบได้อย่างดียิ่งทั้งนี้ ปัจจุบันชุมชนได้ดำเนินการโครงการ Carbon Credit อีกด้วย โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ อบก. จับมือกับ ธนาคาร ธ.ก.ส. และกรมป่าไม้ ร่วมกันสนับสนุน

ซึ่งชุมชนแห่งนี้มีต้นไม้ที่ร่วมโครงการกว่า 8,000 ต้น และถ้ารวมกับชุมชนอื่นในเพชรบุรีอีก 2 ชุมชน จะมีชุมชนที่ดูแลต้นไม้ที่เข้าโครงการนี้กว่า 20,000 ต้น โดยคาดว่าจะสามารถขายคาร์บอนเครดิตเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนในเร็วๆนี้ นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆในการนี้ คณะกมธ.ฯ จะสรุปแนวทางทั้งหมดเสนอให้วุฒิสภารับทราบ เพื่อจะเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นต้นแบบขยายผลไปในพื้นที่อื่นๆที่มีความพร้อม เพื่อดำเนินการสร้างความยั่งยืนให้ชนบทไทยได้อย่างดีต่อไป ซึ่งภาวะโลกร้อน และโลกรวน คือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นภัยคุกคามต่อมวลมนุษย์โลกอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นการเตรียมรับมือกับมหันตภัยนี้ จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนบนโลกใบนี้
ทีมข่าวสุพรรณบุรี รายงาน